"โครงการศิลปินร่วมใจ ต้านภัยคอร์รัปชัน" โดยสถาบันต่อต้านการทุจริตคอร์รัปชัน มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ ณ หอศิลปวัฒนธรรมแห่งกรุงเทพมหานคร จึงเกิดขึ้นซึ่งมีการชักชวนศิลปินชื่อดังร่วม 50 ชีวิตเข้ามามีส่วนร่วมกระตุ้นให้เห็นอันตรายของการทุจริต ผ่านฝีมืองานอาร์ตทั้งประติมากรรม จิตรกรรม แล้วนำมาประมูลหารายได้สมทบทุนการดำเนินงานของสถาบัน ซึ่งจะไม่หยุดนิ่งหรือเพิกเฉยจนกว่าบ้านเมืองจะมีการปัดกวาดให้สะอาด
อ.ปัญญา วิจินธนะสาร ศิลปินภาพจิตรกรรม และเจ้าของผลงานภาพพิมพ์ชื่อว่า "บำเพ็ญบุญ" เล่าให้ฟังถึงทัศนะศิลปินกับการต้านคอร์รัปชันว่า "ที่ผ่านมานั้นศิลปินได้เข้าไปแก้ปัญหาสังคมในหลายเรื่อง รวมถึงเรื่องปัญหาการคอร์รัปชันผ่านงานศิลปะ จึงอาจกล่าวได้ว่าในฐานะคนสร้างสรรค์งานศิลปะมีบทบาทโดยตรงในการนำศิลปะที่สร้างขึ้นไปพัฒนาสังคม เช่น การลดความขัดแย้งในสังคม ให้หันมาเจรจากันได้ด้วยการมองรูปรูปเดียวกัน เพื่อสื่อให้เห็นว่า จริงๆ แล้วปัญหาต่างๆ นั้นสามารถยุติได้ด้วยการเปลี่ยนมุมมอง จากที่เคยมองคนละเรื่อง คนละมุม ศิลปะก็สามารถเปลี่ยนให้คนที่มองรูปเดียวกันเห็นเป็นมุมเดียวกันได้ ที่สำคัญผมคิดว่าผลงานศิลปะที่ศิลปินสร้างขึ้น ผ่านภาพเขียนหรือภาพพิมพ์ เช่น รูปเขียนที่สะท้อนการเมืองสมัย 14 ตุลา ที่ผมเคยร่วมเป็นส่วนหนึ่งที่สร้างสรรค์ภาพเหล่านี้ขึ้นมา มันคือประวัติศาสตร์ที่ถ่ายทอดผ่านงานศิลปะ ดังนั้นมันสามารถส่งต่อไปสู่เยาวชนได้ เพื่อให้นำมาซึ่งการแก้ไขและเดินหน้าต่อไป บอกตามตรงว่าศิลปะไม่ใช่แค่ความสวยงาม แต่มันยังให้แง่คิดได้ด้วย ดังนั้นผมจึงอยากเรียนว่า ศิลปินมีส่วนในการต้านคอร์รัปชัน ผ่านงานศิลปะที่ตัวเองสร้างสรรค์ไปสู่ผู้ที่พบเห็น โดยไม่ต้องอธิบายเป็นคำพูดครับ"
ขณะที่ อ.สมภพ บุตราช ในฐานะผู้สร้างสรรค์งานอาร์ตมาร่วม 60 ปี บอกไว้ว่า แม้ปัจจุบันรูปแบบของการรณรงค์การป้องกันการทุจริตในสังคมไทยทำได้หลายรูปแบบ แต่สิ่งหนึ่งที่กระตุ้นให้คนหันมาสนใจเรื่องการเมืองแบบไม่รู้สึกถูกยัดเยียดนั้น คือ "ศิลปะ" ไม่ว่าจะแขนงใดก็แล้วแต่ ประกอบกับที่ผ่านเกือบทุกกิจกรรมที่ไม่ใช่แค่ประเด็นการต้านทุจริต แต่หากเป็นนโยบายที่ไม่โปร่งใสหรือไม่เป็นธรรม ก็มักจะเห็นกลุ่มศิลปินมาร่วมเป็นส่วนหนึ่งอยู่บ่อยครั้ง เจ้าของผลงานภาพวาดนางประทุมวดี กล่าว "ศิลปินมีส่วนร่วมต้านคอร์รัปชันมากเลยครับ เพราะเราก็เป็นส่วนหนึ่งของสังคมที่ทำงานรับใช้สังคมด้วยงานศิลปะ นั่นจึงไม่แปลกว่าที่ผ่านมาได้มีการดึงงานศิลปะเข้ามามีส่วนทางการเมือง เช่น "อาร์ตเลนส์" หรือเดินขบวนเพนต์ตัวเพนต์หน้าบริเวณหน้าหอศิลป์ เพื่อต่อต้านนโยบายต่างๆ ทั้งเรื่องสังคม สิ่งแวดล้อม หรือป่าไม้ ก็มีให้เห็นกันอยู่บ่อยๆ
ถ้าหากเราใช้งานอีเวนต์ธรรมดาๆ หรือสื่อความหมายถึงการต้านการทุจริตผ่านข่าวสารเพียงอย่างเดียวนั้นคงไม่ค่อยมีใครสนใจเท่าไหร่ แต่ถ้าใช้รูปแบบงานศิลปะเข้ามาร่วมด้วย คนมักจะสนใจ และทำให้การรณรงค์คึกคักขึ้น เราในฐานะศิลปิน ไม่ว่าจะเป็นงานที่เกี่ยวข้องกับสังคมด้านใด ทุกคนมักเข้าร่วมด้วยความสมัครใจอยู่แล้ว ซึ่งผลงานที่นำมาร่วมประมูลเพื่อหารายได้นั้น แม้ว่าผลงานไม่ได้เกี่ยวกับการขจัดปัญหาทุจริต แต่วัตถุประสงค์ที่ผมมาร่วมก็เพื่อต้องการสะท้อนให้คนไทยไม่นิ่งเฉยกับปัญหาการทุจริตครับ"อ.สมภพ กล่าวนับเป็นน้องใหม่ของวงการศิลปะ แต่ทว่าชั้นเชิงในการสร้างสรรค์ผลงานของ วิษณุพงษ์ หนูนันท์ ที่เชี่ยวชาญทั้งงานปั้นและงานเพนต์ในคราเดียวกัน นั่นจึงถือเป็นบทบาทของการทำหน้าที่ศิลปินในการต้านการคอร์รัปชันอย่างเต็มตัว ผ่านผลงานประติมากรรมที่สะท้อนถึงการไม่เพิกเฉยต่อการทุจริตในสังคม แม้จะเป็นคนตัวเล็กๆ จากการ์ตูน "ผู้ใหญ่มา กับ จ่อย" หรือภาพการ์ตูนลายเส้นของชัย ราชวัตร คอลัมนิสต์ชื่อดัง "จริงๆ แล้วศิลปินก็เป็นนักคิดนะครับ แต่การที่จะบอกว่ามีบทบาทมากแค่ไหนในการต้านคอร์รัปชัน ก็ต่อเมื่อคนมองเห็นถึงบทบาทที่ศิลปินมี นั่นแหละถึงจะเข้าถึงบทบาทได้ครบรสชาติ ทุกวันนี้ผมมองว่าคนไทยยังไม่ค่อยเข้าใจถึงศิลปะเท่าไหร่ แต่จากกิจกรรมนี้ก็ถือเป็นจุดเริ่มต้นที่ดีครับ เพราะผมคิดว่าผลงานรูปปั้น "ผู้ใหญ่มา กับ จ่อย" ช่วยกระตุ้นให้คนไทยตื่นตัวเรื่องของการทุจริตไม่มากก็น้อย เพราะการที่ "จ่อย" ซึ่งเป็นชาวบ้านธรรมดา ได้มองเห็นความไม่ชอบมาพากลในตัวผู้ใหญ่มา ที่กำลังถือกระเป๋าเจมส์บอนด์ ซึ่งมีเงินแลบออกมา ตรงนี้มันจึงสื่อให้รู้ว่าถ้าคนทั่วไปรู้สึกตื่นตัวกับเรื่องเล็กน้อยเหล่านี้ นั่นก็แสดงว่าเขาไม่ยอมรับการคอร์รัปชัน ไม่ว่าจะอยู่สังคมชนบทหรือสังคมเมือง ตรงนี้ผมก็รู้สึกดีใจและภูมิใจที่ได้ถ่ายทอดภาพการ์ตูนลายเส้นของคุณชัย ราชวัตร ให้เป็นผลงานที่สื่อถึงการไม่ยอมรับการกระทำทุจริต" ศิลปินวัย 28 ปี กล่าวปิดท้ายกันที่โต้โผจัดงานกิจกรรมอย่าง วสันต์ ภัยหลีกลี้ ผู้อำนวยการสถาบันต่อต้านการทุจริตคอร์รัปชันแห่งมหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ บอกถึงประเด็น "ศิลปินกับการมีส่วนร่วมต้านทุจริตคอร์รัปชัน" ว่า "สถาบันเราเห็นถึงพิษภัยของปัญหาการทุจริต เพราะมันสร้างความเสียหายแก่ประเทศ และคิดว่าศิลปินมีความสำคัญ เพราะเขาได้สร้างสรรค์งานศิลปะ ซึ่งงานศิลปะนั้นเป็นสิ่งที่ให้ทั้งความสวยงาม จรรโลงสังคม และเมื่อคุยกับเพื่อนศิลปินเขาก็เห็นด้วย และตื่นตัวเรื่องนี้กันมาก ผมก็เลยคิดว่าศิลปะมีบทบาทมาต่อต้านทุจริตและคอร์รัปชันได้เป็นอย่างดี จึงได้ดึงศิลปินที่สร้างผลงานศิลปะให้เข้ามามีบทบาทร่วมกัน
งานศิลปะไม่ใช่แค่เรื่องสวยงามจรรโลงสังคม แต่ทว่ายังสะท้อนถึงภาพเหตุการณ์บ้านเมืองนั้นไว้โดยไม่ต้องบอกเล่า ซึ่งเป็นประโยชน์ต่อเยาวชนรุ่นหลังได้เรียนรู้ประวัติศาสตร์ด้านสังคมและการเมืองผ่านงานอาร์ตในแขนงต่างๆ ได้ ไม่ต้องอาศัยคนอธิบาย... ไหนเลยที่ใครจะบอกว่างานต้านคอร์รัปชันกับศิลปินไม่เกี่ยวข้องกัน!!!
ซึ่งผมมองว่าได้ผลแน่ๆ ครับ อันดับแรก ในฐานะศิลปิน เขาก็จะเริ่มตื่นตัวในเรื่องนี้ ในขณะเดียวกันผู้ที่ติดตามผลงานของศิลปินเขาก็จะได้ความตื่นตัวในเรื่องการคอร์รัปชันไปพร้อมๆ กันด้วย เช่น หากผู้ชมนิทรรศการต้องการประมูลรูปปั้นจากผลงานลายเส้นการ์ตูนของคุณชัย ราชวัตร ที่สะท้อนความหมายว่า ประชาชนจะไม่ยอมให้มีการคอร์รัปชันนะ แม้เป็นคนตัวเล็กๆ ตรงนี้ก็เท่ากับเห็นด้วยกับการที่สังคมจะเดินไปได้ก็ต้องปราศจากคอร์รัปชัน ถือเป็นจุดเริ่มต้นที่ดีในการนำพาประเทศให้ปราศจากการทุจริตครับ" ผอ.วสันต์ กล่าวทว่า ศิลปะมีอยู่ทุกที่ ไม่ว่าจะเสื้อผ้าหน้าผม กระทั่งเรื่องการเมือง ดังนั้นจึงไม่แปลกที่ศิลปินในฐานะคนสร้างสรรค์ศิลปะ จะเข้ามามีส่วนร่วมในการลดความขัดแย้งในเกือบทุกสังคมเช่นกัน ไม่เว้นแม้แต่การกระตุ้นเตือนให้ทุกคนอย่าหยุดนิ่งเฉยกับปัญหาทุจริตคอร์รัปชันในสังคมไทย...ฉันใดก็ฉันนั้น
ใครสนใจเป็นส่วนหนึ่งของการป้องกันและต่อต้านคอร์รัปชันสามารถร่วมสนับสนุนด้วยการประมูลงานของศิลปินในครั้งนี้ ที่จะเปิดประมูลในวันพฤหัสฯ ที่ 23 ก.ค.ศกนี้ เวลา 16.30 น. ที่หอศิลป์กรุงเทพฯ ปทุมวัน.
บรรยายใต้ภาพ
ปัญญา วิจินธนะสาร
สมภพ บุตราช
สมภพ บุตราช
วสันต์ ภัยหลีกลี้
ผลงานรูปปั้นจากลายเส้นการ์ตูนล้อการเมือง "ผู้ใหญ่มา กับ จ่อย" โดยวิษณุพงษ์ หนูนันท์ กระตุ้นการต้านคอร์รัปชัน
งานศิลปะ 15 รายการที่สื่อถึงการต้านคอร์รัปชันของศิลปิน และเพื่อหารายได้ดำเนินงานของสถาบันในการต้านการทุจริตในสังคม
อ่านต่อได้ที่ : http://www.ryt9.com/s/tpd/2208460
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น